Makhamtao et les Pouins
คำกลอนเซิ้งประวัติชาวพวน หรือ ลาวพวน
โดย คมเคียว คันไถ ของ สมโภชน์ กางกรณ์
สาธุสะ ขอสัก การะ
คาระวะ พี่น้อง ไทยพวน
ขอเชิญชวน หมู่เฮา มาฟัง
ทวนความหลัง แต่ครั้ง ก่อนเก่า
เริ่มต้นเล่่า ถึง เขา ภูพวน
คนเผ่าพวน ชื่อตาม ภูเขา
พวนกับเลาว คนเผ่า เดียวกัน
แม่น้ำซัน น้ำงึม เริ่มต้น
ใหลลิ่งโตน ลงสู่ น้ำโขง
สายน้ำโยง ใยเกลียว สัมพนธ์
เพียงแต่ผัน ออกต่าง สำเนียง
กำใกล้เคียง สำเนียง เพี้ยนไป
ลาวไปใส พวนไป กะเลอ
พวนลูกเพ้อ ลาวฮ้อง ลูกใภ้
ลาวว่าบ่ให้ พวนใช้ บ่เฮ้อ
พวนว่า บ้านเผอ ลาวว่า บ้านใผ
เอ็ดนาไฮ่ อยู่ใน หว่างเขา
ชอบปลูกข้าว ตำเป็น ข้าวสาร
เริ่มมานาน เว้าแต่ โบราณ
พวนมีบ้าน อยู่เมือง เชียงขวาง
แถบลานช้าง สิบสอง จุไท
ซำเหนือใต้ คือถิ่น ชาวพวน
ติดเขตรญวน ที่ราบ สูงต้นนิน
ทุ่งไหหิน มีไห เต็มทุ่ง
เคยเอืองฮุ่ง มาอย่าง ยืนยง
หนังสือพงค์ สาวะคาร
มีตำนาน ขุนบัน ลินัว
เจ้าอยู่หัว มหา ลาวื่อ
หรืออีกชื่อ เรียกขุน บรม
เป็นประฐม บรมเชื้อชาติ
มหาราช กระบุตริย์ พวนลาว
ปกครองชาว ฝั่งโขง โบราณ
ทรงเชี่ยวชาญ เรื่องเดช อำนาจ
ประเทศราช ฮ้อยเขตร น้อมขาม
ผู้มีนาม เจ้า มหา ชีวิต
ทรงพิชิต รอบ จักรวาล
พระภูบาล มีพระ กำหนด
ให้โอรส ทั้งเจ็ด พระองค์
ท่านได้ส่ง เข้าไป ครอบครอง
ในเมืองของ ประเทศ ขะราช
แผ่อำนาจ พระบารมี
ให้องค์พี่ ชื่อว่า ขุนลอ
ไปสืบก่อ เมืองหลวง พระบาง
แคว้นลานช้าง เชียงคง เชียงทอง
องค์ที่สองชื่อ ยี่ ผาลา
สิบสองปันนา สร้างเมือง หอแต
หรือหนองแล สืบสร้าง ตั้งวงค์
สามจูสง เป็นองค์ ที่สาม
ญวนเวียตนาม เมืองแถว หนองบัว
เจ้าอยู่หัว ของพวก ชาวญวน
ที่เมืองญวน โยนก เชียงใหม่
องค์สี่ไป ชื่อว่า ไสผง
งั่วอินทร์ วาค์ อโยธยา
องค์ชายห้า มาอยู่ แตนไทย
องค์หกไป เมืองเกิด เชียงคม
ชื่อลกกลม ครองลาว ภูไท
เจ็ดเจืองไป ครองเมือง เชียงขวาง
ไปสืบสร้าง ปกครองชาวพวน
จดแดนญวน จนฮอด เมืองฮัอ
เขตุติดต่อ เมืองหลาวพระบาง
เมืองเชียงขาง เชียงคำ ยาวจอด
เลยไปฮอด อุต ตตะมะ ธานี
จดหลี่ผี ผาได ผาด่าง
บ่เว้นว่าง มีเจ้า ปกครอง
เพิ่นเป็นน้อง คนที่ สุดท้าย
ต่างก่าย้าย เมืองเผอ เมืองมัน
พ่อแบ่งปัน สมบัติ ให้ไป
มีบ่าวไพร่ มีเกิบ ทองคำ
ดอบฝักคำ ประจำ พระองค์
ชำมรงค์ แก้วเพชร เจ็ดสี
งาช้างมี สี่เขี่ยว กอมก้อม
มีเฮ้อพร้อม ทั้งหอก คันคำ
ให้ประจำ กายทุก พระองค์
บิดาทรง ให้พระ โอวาท
ให้อำนาจ ไพร่พล ไปครอง
ห้ามพี่น้อง ฆ่าฟันกันตาย
ช้าง ม้าหลาย บุญใคร บุญมัน
ให้แบ่งปัน ความสุข ไพร่ฟ้า
ให้ประชา ชนมี ความสุข
ตั้งแต่ยุค ของเจ้า ฟ้าเสียง
ให้เรียบเรียง ทางประวัติสาสตร์
พวนมีชาติ มี ศาสนา
ในตำรา มีมา ว่าเว้า
ตั้งแต่เจ้า น้อยครอง ต่อมา
ให้ชายา เจ้าพ้าเมืองลาว
ธิดาสาว เจ้าอนุวงค์
รวมเผ่าพงษ์ พวนลาว สัมพันธ์
สืบเผ่าพันธ์ บุตรา ห้าองค์
สำดับองค์ เริ่มต้น คนโต
ชือเจ้า โพ เจ้ารทัพ พรมมา
องค์ห้าเจ้าอุง เจ้าก่ำ
เจ้าน้อยนำ พวนอยู่ เป็นสุข
แสนสนุก เขียงคำ เชียงขวาง
ศึกเสือสาว บ่มี มากวน
ซุ้มบ้านพวน เอ็ดสวน ปลูกข้าว
ตันหมากพร้าว หมากนาว หมากแฟง
ทั้งหม่าแตง หม่าเขือ หม่าถั่ว
เอ็ดสวนครัว ผักกาด ผักชี
กล้วยเป็นหวี่ หม่ามี้ โอ้นโต้น
หมากเผ็ดนั้น ก่ามี เต็มโพน
หม่าโต่นหรือ ก่ามี เต็มคั้ง
เก็บสะตังค์ ใส่บั้ง ไม่ไผ่
ปลาค่อใหญ่ ในฮู ในฮ่อง
น้ำในหนอง มีปู มีปลา
ในเฮ่อนา มีปลา มีข้าว
ไก่อยู่เล้า มีข้าว อยู่เงีบ
ลูกกับเมีย บ่อด บ่หยาก
อุปถาก พระสงฆ์ องค์เจ้า
ตื่นยามเข้า ใส่บาตร ทำบุญ
ตำข้าวปุ้น ข้าวเม่า ข้าวเกรียบ
แช่กอยเหยียบ เหียงเต็ง แล้วผึ่ง
ข้าวเหนี้ยนึ่ง มาห่อ ขาวต้ม
ห่อข้าวหนม ใ้ส้ใส่ ใบตอง
หมู่พี่น้อง ฮักสา มัคคี
นุ่งซิ้นหมี่ ผ้าขะม้า แอ้มอาง
โส้งขากวัาง ขะม้า มัดเอว
เสื้อคอแม้ว ย้อมประดู่ ยัอมคาม
ไปเที่่ยวตาม ผู้สาวลงท่า
ไปเที่ยวหา สาวปลูกพักแฟง
ไปเที่ยวแปลง ปลูกพริกมะเขือ
ไปช่วยเหลือ สาวมั โฮัวสวน
ไปเที่ยวชวน กันเล่น กำฟ้า
เล่นสะบ้า หม่าอื่อ ลูกช่วง
เพื่นลงข่วง เข็นฝ้าย ต่ำผ้า
เพิ่นไปนา เกี่ยวหญ้า งัวควาย
หาบข้างงาย ไปไฮ่ ไปนา
เที่ยวผ้าป่า ต่างวัด บ้านไกล
หนุ่มชอบไป รับใช้ ผู้สาว
แต่ก่อนเก่า เพิ่นอยู่ เมืองพวน
ผู้บ่าวชวน กันเอ็ด คันใด
เป็ํนไม้ไผ่ คันใด ขึ้นหัว
ปีนเทงหัว นอนวอน สาวมัก
ถ้าสาวมัก สาวก่า คุยกัน
ฝาฟากกั้น เว้ากัน จำเสียง
เว้าสำเนียง ผะหยา ว่ามัก
สาวบ่มัก สาวก่า บ่ปาก
หนุ่มจำจาก ลงจาก คันใด
แบกคันใด ขึ้นไป บ้านอื่น
ต่างชื่นมื่น กลางคืน เตือนหงาย
บ่ต้องอาย คุยไกล้ พ่อแม่
แม่ตอแหล คุยช่วย ลูกสาว
บอกผู้บ่าว มาขอ ไวไว
จีได้ให้ ลูกสาว แต่งงาน
เอาตำนาน ก่อนกาล มาเล่า
ฟังผู้เฒ่า เว้าแต่ บูราณ
ตอนย้ายบ้าน มาอยู่ เมืองไทย
ย้านเสือใบ เสือรินทร์ เสือจวน
เพิ่นเลยชวน กันเอ็ด โฮ้บ้าน
พากันย้าน โจรลัก งัวควาย
ถ้ามักหลาย เฮ้อมา ขอแต่ง
ค่าบ่แพง ตามอีด ตามคลอง
สามสิบสอง กับสอง สลึง
ควายโตนึ่ง มาไว้ ไถนา
ผู้มีนา แบ่งมา เป็นเฮ่อ
บางคนเฮ้อ ทังงัว ทั้งเกวียน
มีฮอกเหรียญ จี้กับ สายสรัอย
แหวนหัวพลอย หัวหิน เอือนทอง
บางคู่กอง ทุนมา รวมกัน
บางคู่นั้น ปลูกเป็น เฮือนหอ
บางคู่ห่อ เงินแถม เป็นพัน
เป็นสวรรค์ ของลูก ผู้รวย
ได้เมียสวย ซ้ำรวย สินทรัพย์
ผู้ตกอับ คือลูก คนจน
ต้องดิ้นรน หาด้วย ลำแข้ง
ต้องให้แฮง งานอวด พ่อตา
บางคนก่ามีคนเห็นใจ
ได้เข้าไป เป็นลูก เขยข้อย
เป็นผู้คอย รับใช้ พ่อตา
แต่งข้าวปลา ออกนา แต่เช้า
พายห่อข้าว เต้าน้ำ ทั้งควาย
เตรียมแอกไถ ทั้งควาย ทั้งคราด
บ่ได้ขาด จอบเสียม สู่อัน
ยามว่างผั้น เชือกไว้ ผูกงัว
เมียของตัว แต่งครัว อยู่บ้าน
เลี้ยงลูกหลาน พี่ป้า ตายาย
ตกตอนสาย พายแห ลงหนอง
ฟายตะค้อง หว่านปลา ค่อใหญ่
ห้างซ่อนไซ ปลาไหล ปลาดหลด
อันใดหมด หามา เตรียมไว้
หามาใส่ พาแลง พางาย
เลี้ยงงัวควาย ตักน้ำ ตำข้าว
หมี่งขาเจ้า นั่งสุขสำราญ
ทั้งลูกหลาน น้องเมีย แม่ยาย
เหลือแฮงหลาย เป็นลูก เขยข้อย
น้ำตาย้อย ใจฮัอน อ่อนแฮง
ยามมือแลง จั่งเห็น หน้าเมีย
ค่อยหายเพลีย ลืมทุกข์ ลืมยาก
ทนลำบาก ก่อนพ่อ ตาตาย
จึงจี่กลาย เป็นเขย นั่งเมือง
ก่าต้องเปลื่อง แฮงมา บ่น้อย
นี้และข้อย ข้าเป็น ลูกเขย
คำพังเพย ลูกเขย คนจน
ต้องยอมทน ทุกมา แต่ก่อน
พอถึงตอน จี่ได้ สบาย
ดันมาตาย ไปก่อน พ่อตา
วาสนา บ่ได้ ครอบครอง
สมบัติของ พ่อตา แม่ยาย
มีมาหลาย ชั่ว อายุคน
หนีบ่พ้น บุญกรรม ทำมา
วาสนา บุญกรรม นำแต่ง
ตามแต่แฮง บุญ บารมี
พรรณา เป็นคำพีรวิถี ชาวพวน
ตามสมควร ที่ควร เฮียนรู้
พวนรุ่นปู่ มี เอกราช
พวนมีชาติ มี ศาสนา
มีตำรา เขียน ภาษาพวน
มีสำนวน สำเนียง คำเว้า
มีเทั้งเจ้า ผู้ครอง นคร
มีเซิ้งกลอน มีวัด มีวา
มีภาษา เขียนใส่ ใบลาน
เสียงม่วนหวาน ลำพวน เป่าแคน
มีเขตแดน เวียงวัง คลังนา
ก่อนจี่มา สิ้นชาติ ขาดเมือง
ก่ามีเรื่อง จี่เล่า ต่อไป
ในสมัย พระเจ้า ตากสิน
ปีกุนสร้าง แผ่นดิน ธนบุรี
องค์จักรกรี พระมหา กระบัตริย์ศึก
ยกพลศึก เข้าสิบสอง จุไท
บุกเข้าไป สิบสอง ปันนา
ย้อนเข้ามา ตีหลวง พระบาง
ยึดเชียงขวาง ไปฮอด เวียงจันท์
อยู่ในขัน ขอบทะ สีมา
ลานช้างมา อยู่ใน อำนาจ
พุทธศักราช สองสาม สองสอง
ก่อนยกกอง ทัพกลับ กรุงธน
กวาดต้อนคน ชาวลาว เวียงจันท์
มาช่วยกัน ทำมา หากิน
มาอยู่ถิ่น แดนดิน เมืองไทย
มารวมไว้ ที่ สระบุรี
แถวพาชี เลยมา โคราช
โอนสัญชาติ มาเป็น คนไทย
แทนสมัย กรุงศรี อยุธยา
ยุคพม่า กวาดต้อน คนไป
ถึงสมัย พระพุทธ เลิศหล้า
พระราชา แห่งชน ชาวไทย
เทรงไว้ใจ เจ้า อนุวงค์
ท่านประสงค์ ฮ่วมรัก สัมพนธุ์
เพิ่นแบ่งปัน สุวรรณเขต
แดนประเทศ เขตเมือง ชั้นโท
ให้เจ้า โย้ ราช บุตรา
เป็นพระยา เมืองจำปาศัก
ให้ลูกฮัก เจ้า อนุวาค์
เพื่อตำรงค์ ฮักสา มัคคี
ความภักดี จากสอง พ่อลูก
เพื่อหวังผูก พลุง ศรัทธา
สืบต่อมา มหา กระษัตริย์ไทย
พระองค์ไดั้ สวรรคต
พระโอรส สืบ ต่อ เวียงวัง
ชื่อพระนั่งเกล้า เจ้าอยู่หัว
จึงเขิญตัวทุกหัวเมืองราช
บ่ได้ขาด เจ้าเมืองเวียงจันท์
มาข่วยกัน ตามกำหนดการ
พระราชทาน เพลิง พระศพ
มาจนครบ กันทุกหัวเมือง
จึงมีเรื่อง ทีบ่ ตกลง
เจ้าอนุวงค์ แจ้งแถลงข่าว
คุยเรื่องราว การบ้าน การเมือง
เสนอเรื่อ ขอคืน คนลาว
พระนั้งเกล้า บ่ทรงประทาน
เพราะลูกหลาน เป็นไทยไปแล้ว
เสนอแนว เป็นไปบ่ได้
สุดวิสัย เพิ่นบ่ ประทาน
อยู่มานาน กว่าสี่ สิบปี
หน่อจักรี บ่ยอม ยกให้
ท่านน้อยใยกลับไปเวียงจันท์
นำเรื่องพลัน เข้าสู่สภา
หมู่เสนา อำมาตย์ในเมือง
รู้ศึกเคือง พระเจ้ากรุงไทย
บ่คืนให้ชาว ชนคนลาว
จึงยกเอากองท้ัพมาสู้
ตอนนั้นฮู้ อังกฤษ คุมคาม
เมืองสยาม กำลังมีภัย
กระษัตริย์ใหม่ อายุ ยังน้อย
คงจี่ดัอย ฝีไม้ ฝีมือ
จึงได้ถือ เอาสา เหตุนี้
เข้ามาตี เอาเมืองโคราช
ตอนนั้นขาด เจ้าเมือง บ่อยู่
บ่มีผู้ บัญชา ทหาร
จึงต่อต้าน ทัพลาว บ่ไหว
ยึดเมืองได้ ภายใน เดือน สี่
ภายในปี สองสาม หกเก้า
แต่ก่าเข้า เมื่องบ่ ได้นาน
เพราะทหาร ไต้มา ล้มตาย
ได้อุบาย ของคุณ หญิงโม
ใช้อีโต้ กับมีด ทำครัว
เข้าตีหัว ด้วยสาก ตำข้าว
เอาน้ำเหล้า มามอม ทหาร
เอ็ดตาหวาน มรรยา ผู้หยิง
ช่วยกันชิง มีดดาบ มาพัน
สาวพากัน ตายไป แทบหมด
ลาวกบฎ ฮีบพากันหนี
ไล่ตามตี บ่มี โต้ตอบ
ไปน้อมนอบ พึ่งต่าง ประเทศ
หนี้ข้ามเขต ไปขอ พึ่งญวน
ยกเมืองพวน เมืองสุย เชียงกัน
ทั้งเมืองจันท์ เมืองสอน เมืองสาม
ให้เวียตนาม มาช่วย สงคราม
ทัพไทยตาม ไปสุด แตนญวน
จึงต้องชวน กัน ยกทัพกลับ
บ่ทันจับ เจ้า อนุวงค์
ญวนได้ส่ง น้ำใจ ไมตรี
เจ้าลาวหนี ไปเข้าเขตญวน
ทัพไทยหวน กลับคืนมาบ้าน
บ่เคยย้าน แต่บ่ ตามตี
ญวนพาหนี ไปสุด แนวป่า
เจ้าพระยา สุภาวดี
อีกสองปี มีต่อ ตามมา
ข่าวลือว่าเจ้าอนุวงค์
จากเวียตกง ย้ายมาเมืองพวน
อยู่ในจวน ลูกเขย เจ้าน้อย
ข่าวนี้ลอย เจ้าสู่ กรุงศรี
หน่อจักรี องค์พระนั่งเกล้า
พร้อมทั้งเหล่าหมู่มุขเสนา
คิดขึ้นมา ยังนึก แค้นเคียด
ตัวเสนียด กบฎ ยังอยู่
อับอายหมู่ หัวเมือง ชั้นนอก
จึงให้ออก กฤษฎีกา
สั่งพระยา สุภาวดี
ยกไปตี ลัอมที่ เมืองพวน
เจ้าน้อยด่วน เข้าสวามิภักดิ์
เพราะว่ารัก ประชา ชาวพวน
ย้านคนพวนมี อันตราย
จึงถวาย ให้ความ ภักดี
ข่วยนำชี้ เพราะเกรง มีภัย
พาไปล้อม ที่เขา เชิงไก่
ลุ่มน้ำไฮ ได้ทั้ง ครอบครัว
จึงนำตัว เข้ามา กรุงเทพฯ
สุดแสนเจ็บ ในหัวใจป่วน
ลูกเขยพวน นี้พึ่ง บ่ได้
สาปแช่งไว้ ให้มัน วอดวาย
ว่าพวนฮ้าย หมายอย่า ได้คบ
ให้พวนพบกับวิบัติภัย
อย่าเป็นใหญ่ อย่าให้ ได้ดี
หากทำดี จวนจี่ได้ดี
ก่อนได้ดี ให้ขี้ พวนแตก
ให้เมืองพวน มันแหลกสลาย
ให้มันตาย ตกไป ตามกัน
ขอให้มัน ใด้เป็น ขี้ข้า
อย่ามีหน้า อย่ามา เป็นนาย
ให้มันตาย ก่อนได้ เป็นให
อยู่มาได้ ครบขวบ เจ็ดวัน
เกิดความดัน โรคพระ โลหิต
เสียชีวิต เพราะหัว ใจวาย
พระชนม์ ได้ ครบหก สิบปี
คำสาปนี้ มีบ่ ทันนาน
พวนเสียบ้าน เสียเมือง ต่อมา
ญานเข้ามา ยึดเอา เมืองพวน
ทหารญวน จำนวน สามพัน
ยกพลขันท์ เข้ามา ตีเมือง
มาเอาเรื่อง กับองค์ เจ้าน้อย
โทษว่าถ่วย คอยเป็น สายลับ
พาไทยจับ เจ้า อนุวงค์
ทรนง มาเข้า ข้างฝ่ายไทย
จึงจับไปคุมไว้ เมืองญวน
จ้บเจ้าพวน ประหาร ชีวิต
ลูกเมียติด คุกไว้ เวียนนาม
ตั้งเจ้าสาม ลูกพี่ ลูกน้อง
เข้าปกครอง เป็นเจ้า เมืองแทน
ญวนมีแผน เจ้ามา ครอบครอง
ใน พศ สอง สาม เจ็ดหก
พวนก่าตก อยู่ใน อำนาจ
บ่ สามารถ ต่อต้าน กับญวน
เจ้าสามพวน มาเข้า ข้างไทย
บ่ เลื่อมใส เอาใจ ออกห่าง
เซาะหาทาง ส่งข่าวถึงไทย
ให้ยกไป ตีเมือง พวนคืน
นำข่าวยื่น ต่อเจ้า กรุงไทย
พระอง์ได้ มีพระ บัญชา
ให้พระยา ธรรมา สมบุญ
นำทัพหนุน เข้าทาง เมืองน่าน
เอาทหาร เมืองสุโขทัย
เมืองพิชัย พิจิตร เมืองแพร่ =
เมืองสองแคว เมืองสวรรคโลก
ทั้งทางยก ทางน้ำ โดยเรือ
มาช่วยเหลือ ขับไล่ พวกญวน
รามขบวน ที่หลวง พระบาง
เดือน สาม ย่าง สองสาม เจ็ดหก
รวมพลยก ตีหลวง พระบาง
บุกเชียงขวาง เชียงคำ เชียงทอง
เข้าตีกอง ทัพญวน แตกพ่าย
ที่เหลือตาย ก็พา กัหนี
ไล่ตามตี ขับไล่ ทหาร
นำชาวบ้าน มารวม ตัวไว้
กันเฮ้อไกล จากอำ นาจญวน
แล้วชักชวน ไปหา ที่ใหม่
ในเมืองไทย ที่ ใหม่ ทำกิน
มีแผ่นดิน ทำกิน กวัางขวาง
มีที่ว่าง ทำกิน ถมไป
จี่ได้ไกล จากทหาร ญวน
เจ้าสามชวน ชาวพวน เห็นดี
พากันหนี เจ้า มา พึ่งไทย
หาที่ใหม่ ห่างใกล สงคราม
ส่วนเจ้าสาม ท่านบ่ ชักช้า
ตั้งเจ้า สา กับเจ้า สาลี่
มอบหน้าที่ เป็นเจ้า เมื องแทน
ย้านญวนแค้น วางแนน เข้าไทย
มาอยู่ใน จังหวัด หนองคาย
ลาวฝั่งซ้าย กาย้าย มาอยู่
ผักอึ่ตู่ หมู่เผอ หมู่มัน
ชาวพวนนั้น ส่วนมาก นำพา
ในบัญชา ทหาร เมืองหนือ
บ่ มี่เฮือ แต่หา ไม้ใผ่
มารวมไว้ ที่ แม่ น้ำน่าน
ช่วยทหาร มาต่อ เอ็ดแพ
นำพ่อแม่ ลูกเมีย ลงไป
แพไม้ไผ่ จี่บ่ ได้ แยกกัน
ล่องน้ำน่าน ผ่านไป สองแคว
บางกลุ่ม แจวถึงปาก น้ำโพ
ออกไปโผล่ เมืองสิงห์ บุรี
ไปหยุดที่ อำเภอ เมืองพรห์ม
ดินอุดม เหมาะสม ทำนา
หมู่ ปู ปลา อาหาร มีมาก
จึงขอฝาก ชีวิต ไว้นี้
เพราะดินดี มีน้ำ สมบูรณ์
คงเกื้อกูล มีอยู่ มีกิน
ทรัพย์ในดิน มีสิน ในน้ำ
พากันปล้ำ ไม้ปลูก เฮือนชาน
มาแปลงบ้าน จับจอง ที่ดิน
อยู่รวมถิ่น เมืองพรหม บุรี
ในพื้นที่ ของประ เทศไทย
อยู่ภายใต้ โพธิ สมภาร
ในรัชกาล องค์พระ นั่งเกล้า
พศ เข้า สองสาม เจ็ดเจ็ด
เพิ่นก่าเอ็ด ทะเบียน คนไทย
ผู้ชาย นาย หญิงนำ อำแดง
ต่างก่าเปลง สัญชาติ เป็นไทย
กล่าวถึงใน เมืองพวน เชียงขวาง
ผู้ชร้าง มาจาก ถิ่นเก่า
เป็นลูกพี่ ลูกน้อง ครองแทน
ชาวพวนแค้น เจ้าสาม หนีไป
บ่ พอใจ เจ้าสา สาลี่
เป็นคนที่ เจ้าสาม ตั้งไว้
จับตัวได้ แล้วนำ มาฆ่า
แล้วเสาะหา เจ้าเมือง คนใหม่
ข่าวนี้ได้ ตกไป ถึงญวน
จึงปลดตรวน ออกให้ เจ้าโพ
บุตรคนโต ขององค์ เจ้าน้อย
พร้อมทั้งปล่อย มาทั้ง ครองครัว
แล้วเชิญตัว ไปครองเวียงวัง
ได้แต่งตั้ง ให้เป็น ทายาท
เป็นราชาธิราช คนพวน
ตามสมควร แทนองค์ บิดา
ครองเมืองมา บ่ช้่า บ่นาน
ตัวของท่าน สวรรคาลัย
มอบเมืองให้เจ้าอุง ผู้น้อง
เข้าปกครอง มาอีก บ่นาน
ให้เจ้าอุง ยกมา สมทบ
มารวมรบ ขับไล่ จีน ฮ่อ
มาร่วมต่อสู้เอา เชียงคำ
ใด้ถลำนำทัพ เช้าตี
แต่เสียที จีนฮ่อ ฆ่าตาย
ญวนแตกพ่าย หนีไป แต่ตัว
ที่บ้านหัว แขวงเมือง เชียงคำ
ข่าวนี้นำ ไปฮอด กรุงไทย
จึงสั่งให้ กองทัพ เวียงจันท์
ไปโฮมกัน กับหลวง พระบาง
บุกเชียงขวาง ไปปราบ พวกฺฮ่อ
เข้าตีต่อ พวกฮ่อ พ่ายหนี
แล้วแต่งตั้ง องค์เจ้า ขันที
เป็นลูกพี่ ลูกน้อง เจ้าิอุง
ให้ครองกรุง สืบมา อีกครั้ง
จนฝรั่ง เข้ามา ครอบครอง
ฝั้งซ้ายของ อินโดจีน
พวนก็สิ้น สูญเสีย ชาติมา
ดวงชตา ดุจเีดียว กับมอญ
เมืองแต่ก่อน หงศาวดี
พม่าตี เอาเมือง มอญได้
พอตกไป ขึ้นกับ อังกฤษ
เลยหมดสิทธิ์ ในอาณาเขต
ชื่อประเทศ ลงใน แผนที่
ชื่อบ่มี ในแผน ที่โลก
ต้องอับโชค เสียเอกราช
ประชาชาติ บ่มา รับรอง
เป็นกรรมของ คนพวน คนมอญ
พากันร่อน มาอยู่ เมืองไทย
อยู่ภายใต้ โพธิสมภาร
ต้องประการ ฉนี้แล
ต่อไปนี้ จี่ขอ ต่อกลอนเข้า
ให้หมู่เจ้า รุ่นหลัง ได้ฟังต่อ
เป็นกลอนแปด พอแอมปากแอมคอ
ให้ฟังต่อ เติมตาม ลำดับไป
อยู่เมืองพวน สำนวน เป็นกลอนเซิ้ง
ตามชั้นเชิง ของคมเคียว คันไถ
อยู่เมืองไทย เขียนกลอน แปดไทย
สัมผัสได้ ทั้งใน นอกคำ
แต่ภาษา ยังใช้ คำพวน
บางคำพวน ผิดพลากถลำ
อย่าถือโทษ อาจผิดถ้อยคำ
พี่น้องจำ เรื่องเรียง ก็เพียงพอ
อันตัวของ คมเคียง คันไถ
ก่าเกิดใหม่ ใหญ่บ่ ทัน พศ
ฟังเล่ามา คันคว้า หาต้นต่อ
คงจี่พอ ต่อความ เข้าใจดี
แต่ก่อนมา เป็นอย่างไร บ่เคยเห็น
เพียงแต่เป็น ข่าวแจ้ง แหล่งวิถี
พระคริสเกิด จากสาว พรมจารี
ท่านเกิดโดย บ่มี องค์บิดา
เหมือนดังองค์ พิสุทธ พุทธเจ้า
เดินเจ็ดก้าว มีดอกบัว ผุดต่อหน้า
อย่างนี้เฮา ก่าฟัง เพิ่นเล่ามา
ได้มาพบ ถิ่นดี ที่อยู่ใหม่
มีน้ำดี ดินอุดม ก่าสมใจ
ตั้งอยู่ใน เขตลุ่มน้ำ เจ้าพระยา
บ่อนนี้คือ อำเภอ พรมบุรี
ชาวพวนต่าง ยินดี กันทั่วหน้า
พากันจอด หยุดแพ และนาวา
ต้อนเอาครอบครัว มาไว้ โฮมกัน
พากันจอง ที่ปลูกบ้าน ทีฺ่ทำกิน
สำรวจดู ที่ดิน ขมีขมัน
ไปตัดไม้ มาปลูก แปลงเฮือนกัน
ตัดเอาเสา ช่วยกัน ล่องน้ำมา
เสาต้นใหญ่ ปลูกให้ ไต้ถุนสูง
ช่วยกันออก แฮงจูง มาแต่ป่า
ลงแม่ีน้ำ พยุงลาก ลอยมา
ช่วยกันปลูก โครงหลังคา สามัคคี
เอาแฮงกัน หลังละวัน ช่อยกันไว้
บัดเฮือนเฮา เชาจี่ได้ ช่วยเต็มที่
ฝ่วยผู้หญิง ให้ไพหญ้า แฝกคาดี
ไก่ปลามี จับมาแกง เอาแฺฮงกัน
อยู่ต่อมา อีกบ่นาน ปลูกบ้านแล้ว
ต่างก่าแผ้ว ที่แปลงนา แข็งขยัน
ปลูกข้าวเลี้ยง ญาติมา หากินกัน
ปลูกหม่าเผ็ด หม่าเขือ มัน ฟักแฟง
เริ่มเฺิอ็ดไฮ่ เอ็ดนา มาหนี่งปี
เริ่มต้นมี ปัญหา น่ากินแหนง
พอเตือนสิบ เืดือนสิบเอ็ดน้ำมาแฮง
น้ำบ่าแรง เข้าไป ในไฮ่นา
เป็นเพราะเคย อยู่แต่ พื้นที่ดอน
ทีึ่ราบสูง แต่ก่อน ตีนภูผา
บ่คุ้นเคย นั่งเฮื่อ พายไปมา
น้ำไหลท่วม ทุ่งนา น่าเสียดาย
น้ำหนุนขึ้น ท่วมแป้น แผ่นกระดาน
บนจั่วเฮือน ปูฮ้านบ้านไม้ไผ่
ลูกใส่เปล ผ้าตู้ม อุ้มเอาไว้
ยามค่ำคืน หันไป ทางเมืองพวน
เห็นภูเขา วงพระจันทร์ ซันสู่ฟ้า
เห็นไฟเทง เขาภูคา มาคิดหวล
เขาเผาไฮ่ เขาพระงาม เห็นเป็นควัน
นึกถึงเขา ภูพาน กลั้นน้ำตา
เมียบอกผัว ว่าตัวข้อย ยู่บ่ใด้
ข้อยยากใจ ขอไป ตาย ภายหน้า
ย้านตะเข้ โตใหญ่ มันว่ายมา
ขึ้นมาอ้า ปากใส่ ในเฮือนครัว
อันว่าเสือ ตัวใหญ่ อยู่ในป่า
ก่ายังว่า ยิ่งหนี ไปออกได้ทั่ว
บนแผ่นดิน หนีได้ บ่ต้องกลัว
ในน้ำนี้ จี่พาตัว ไปทางเลอ
ถ้าลูกน้อย หลุดพก ตกลงน้ำ
มุดดำเอา ลูกบ่ใด้ อาศัยเผอ
ข้อยกับเจ้า จี่เองลูก ได่อย่างเลอ
บ่เคยเจอ น้ำน่าบ้าน ก่อนบ้านเฮา
ไปเท้าะเฮา ไปหา ที่อยู่ไใหม่
ไปเอ็ดนา เอ็ดไฮ่ อยู่ไกล้เขา
อยู่ที่ดอน คือบ้าน เก่าของเฮา
น้ำหลายเฮา อยู่บ่ใด้ ใจบ่ดี
ต่างครอบครัว ต่างปรึกษา หารือกัน
แบ่งสามกลุ่ม แยกกัน คนละที่
กลุ่มแรกอยู่ ที่เิดิม บ่ยอมหนี
อำเภอพรหม แห่งนี้ บ่ยอมไป
กลุ่มเดิมมี บ้านเสาธง กุฎีทอง
บางน้ำเชี่ยง มีลำ คลองใหญ่
บ้านโพธิ์เอน บ้านอุตตะมะพิช้ย
บ้านโภคาภิวัฒน์ใน พรหมบุรี
กลุ่มที่สอง แยกลง ตะวันตก
มรดก ยกให้ คนพื้นที่
ไปอยู่บางปลาม้า สุพรรณบุรี
เก้าหมู่บ้าน มีบ้านหมี่ บ้านดอกบัว
มะขามล้ม บ้านด่าน บ้านลานคา
สูตรอุดาุมพร บางปลาม้า มีซุกหัว
บ้านเก้าห้อง บ้าน กกม่วง มาสร้างตัว
บ้านไผ่เดียว รวมต้ว ที่สุพรรณ
กลุ่มที่สามแยกมา ลพบุรี
เขาสามยอด ลงที่ บ้านน้ำจั้น
ดอนพุฒกับมะขามเรียง ไปด้วยกัน
สระบุรี ที่นั้น เป็นอำเภอ
อยู่น้ำจั้น เขาสามยอด คับเคบไป
บ้านกลับเก่า ย้ายไป บ่ฟังเผอ
บ้านกลับคลอง กลับสองคอน ย้ายไปเจอ
เข้าไปอยู่ ทุ่งอำเภอ เขตหนองโดน
ลพบุรี ก่ามีเมือง หนุมาน
ศาลพระกาฬ ตำนาน เคยเล่นโขน
ที่โคกกะเทียม ถนนใหญ่ มีที่โนน
ถนนแคนี้ มีโพน ดินดำดี
ถนนแค แต่ก่อนคือ บ้านเชียงงา
บ้านทรายคือ โคกพุทรา สับเปลี่ยนที่
ปี สอง สาม เจ็ดแปด มาลพบุรี
ตอนหล้งย้าย ไปบ้านหมี่ เอาชื่อไป
สรุปแบ่ง ภาคใหญ่ เป็นนัยว่า
ย้ายจากเมือง พรห์มมา กันใหม่ใหม่
กลุ่มที่สามใต้แบ่ง ภาคออกไป
โคกระเทียม ถนนไหญ่ บ้านเชียงงา
กลุ่มบ้านทราย ย้ายมาอยู่ โคกพุทรา
ปีต่อมา กลุ่มเชียงงา ย้ายมาใหม่
ออกจากเขา สามยอด บ่ไกล้ไกล
มาอยู่ใหม่ ชื่อบ้าน ถนนเชียงงา
มาตั้งอยู่ ตะวันออก กลุ่มบ้านทราย
เขาสามยอด บ่ขยาย ย้ายมาหา
มาฮ่วมกัน สร้างวัด สร้างศาลา
มาเอ็ดไฮ่ เอ็ดนา ปลูกป่าปอ
พระภิกษุ ชื่อหล้า มาจากลาว
มาตามหา พี่สาว ชื่อว่า ถอ
ท่านคูบา นาวา เป็นต้นตอ
สร้างอุโบส์ถ กับบ่อ น้ำบาดาล
ยังปรากฎ ให้เห็น เช่นวันนี้
ถนนแค โบส์ถเ่ก่ามี อยู่นะหลาน
ที่บ้านทราย อุโบส์ถหลังคลายกัน
บ่อบาดาลนั้น อยู่บ้านถนนเชียงงา
อยู่บ่นาน กลุ่มบ้านทราย ก่าย้านบ้าน
ยกให้เป็น ผลงาน ภิกษุหล้า
เพิ่นธุดงค์ ถิ่นไกล ไปพบมา
ไปเจอน้ำ วังเดือนห้า ตลอดปี
จึงชักชวน ชาวพวน กลุ่มบ้านทราย
ที่แห่งเดิม ขยาย บ่เต็มที่
ที่บ้านหมี่ มีที่ว่าง อยู่มากมี
ที่ลุ่มดี มีวังน้ำ และลำคลอง
ย้ายคร้งนี้ กลุ่มเชียงงา ย้ายมาก่อน
กลุ่มบ้านทราย รื้อถอน ครั้งที่สอง
โดกพุทรา เฮ้อนา ผู้อื่นครอง
แลกมีดโต้ กับผ้าจ๊อง สองสามวา
กลุ่มเชียงงา มาตั้ง บ้านหัวเขา
มีบ้านเ๋ซ่า บ้านหมี่ ทะเลหญ้า
ราษธานี โพนทอง บ้านเชียงงา
หัวยแก้วมา บ้านกลางสว่างอารมณ์
กลุ่มบ้านทราย ขยายต่อบ้านกล้วย
มีลำห้ย ใ้ห้อาศัย ไกล้อาสรม
หินปักเหนือ หินปักทุ่ง อยู่เหนือลม
หินปักใหญ่ เกลียวกรม บ้านขามเอน
วังเหนือไต้ ไปวังกะพี้น้อย
ถนนลาดยาง มะตอย มีให้เห็น
วังกะพี้ใหญ่ ถนนใช้ สองเลน
จากบ้านหมี่ เดินเส้น โคกสำโรง
บ้านดอนดึก ก็ขยาย กันออกไป
สระกระเบื้อง กลางกลุ่มไทย ไปสุดโต่ง
ภาษฎรขนมจีน เขตตาคลี บ้านหมี่โยง
ไผ่ใหญ่ หนองคู ตรงต่อกันมา
กลุ่มโคกระเทียม มี สระเตย และเนินยาว
มะขามเฒ่า ต้นมะขาม งามหักหนา
มีสามต้น ห้าอุ้ม คลุมอาวา
แปดร้อยปี เฒ่าชรา อยู่ ทานทน
สำโรงน้อย สำโรงโหญ่ ต่อไปอีก
ไปอยู่ซีก ทางบ้านทราย ไกล้ถนน
จากมะขามเฒ่า เดินไป ไกลเหลือทน
ทุ่งกว้างใหญ่ โจรปล้น ควายทุกปี
โคกสำโรง บ้านหลุมข้าว สะพานขาว
บ้านสามแยก ทางหลวงยาว ผ่านพื้นที่
พรมทินเหนือ พรมทินใต้ มีของดี
หนองหอย โรงนามี ทางแยกไป
เกือบลืมชื่อ บ้านสระใหญ่ วังหัวแหวน
บ้านโคกคม ก่ามีแฟน พวนส่วนใหญ่
วังขอนขว้าง มีคนพวน ปนเปไป
สระเตยน้อย สระเตยใหญ่ บ้านวังเวิน
กลุ่มลาวเวียง มีกกโก โคกสำพาน
ดงสวอง ปลูกบ้าน ที่โคกเขิน
ห้วยเปี่ยมท่า ศาลา ชอบกระเทิน
หนองแขม บ้านดงเพิ่น เป็นไทยลาว
สระมะเกลือ บ้านป่ากล้วย บ้านท่าแค
เขาสามยอด เป็นลาวแท้ หนองบัวขาว
สระพานนาค สระพานจันท์ ก่าไทยลาว
เขาพระงาม คนลาว เขาภูคา
กลุ่มพุดา เป็นหมู่บ้าน ลาวเวียงจันท์
มาตั้งหมู่ บ้านกัน ตามภาษา
อาศัยกิน น้ำซับ เขาภูดา
พอต่อมา เกิดโรค ที่พื้นตีน
หมอยาเรียก ว่าโรค คุดทะลาด
เกิดขี้โม้ ระบาด เลยย้ายถิ่น
มาหาที่อยู่ใหม่ เข้าทำกิน
เลยย้ายถิ่น มาอยู่ สระตาแวง
หนองเกวียนหัก โคกสุก บ้านลาด
มาตั้งบ้าน ตามเครือญาติ ตามถิ่นแถว
หนองน้ำทิพย์ บ้านคลอง จี่เฮือแจว
บ้านห้วยโป่ง หนองคู แถว โคกสำโรง
ลาวกับพวน ต่างก่าชวน กันแยกหมู่
ผักอี่ตู่ ตามเชื้อแถว เชื้อแนวโขลง
บางอย่างต่าง ประเพณี ต้องยึดโยง
วันสารท เลี้ยง ผีส่ง คนละวัน
พวนบางกลุ่ม อาจเคยอยู่ ปนลาวมา
บางกลุ่มปน ภาษา คำลาวผัน
อย่างบ้านกลับ อาจปน ลาวเวียงจันท์
ตอนแยกมา จากน้ำยั้น ลพบุรี
บ้านกลับว่า : เจ้าจี้ไป ก้าเล้อ
บ้านทรายตอบ : ข๊อยไปหาลูกเพ๊อ บ๊านเจ๊านี๊
หลุมข้าวว่า : เฮาหาลูกใภ้ บ้านใด๋ดี
บ้านกลับ :โอย ก้ามีลูกสาวผู้ ข๊าวงาม
หลุมข้าว :ลูกสาวงาม จี่ขอแต่ง เท่าใด๋
บ้านทราย : ข๊อยจี่ขึ้น บ๊านไป ขอกินน๊าม
โคกกะเทียม : เฺฮาจี่ขึ้น ไปหมึ่งผู้สาวงาม
บ้านกลับ : อี้แม่โอย มาตักน้ำ สู้เพิ้นกิน
หลุมข้าว : บักทองมึง กับกู ไปเุถี่ยวใด๋
บ้านทราย : บ้าทอง โตกับกัน ไปเถี่ยว กระฐิน
บ้านกลับ : ไอ้ทองโตกับเฮาไปเที้ยวหากิน
โคกกะเทียม : เฮ่ยทองเฮาไปเ๋ซาะ กินเหล้าคุยสาวพวน
เรื่องชาวพวน อพยพ จบเท่านี้
อาจขาดปราจีนบุรี เฉพาะส่วน
อย่าง นครนายก ก่าชาวพวน
ยังบ่ได้ ประมวล ขบวนการ
แต่งแต่พวน ลงมาอยู่ พรหมบุรี
ทีึ่ลงแพ จากที่ แม่น้ำน่าน
ปังปู่ย่า ตายาย เว้า แต่บูราณ
ให้บรรดา ลูกหลาน ฟังทุกคน
อาจจี่ผิด ขาดตก บกคร่องไป
ขอน้อมรับ แก้ไข ให้เกิดผล
ขอ อภัย หากจะไม่ ถูกใจคน
คมเคียว ก่าคน ถือคันไถ ชาวนาเอง
โดย คมเคียว คันไถ